การปลูกผักหวานป่าให้ โตเร็ว
สวัสดีครับ สมาชิกผู้สนใจปลูกผักหวานป่า เพราะผักหวานป่าการเพาะเมล็ดให้งอกนั้นง่ายแต่การปลูกให้โตนั้นค่อนข้างยาก พอสมควรครับ วันนี้ผมได้นำวิธีปลูกผักหวานป่าแบบใหม่ที่ได้ทดลองมาประมาณ 1 ปี เห็นว่าเจริญเติบโตดีมาก จึงเป็นทางเลือกอีกวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังปลูกแล้วรู้สึกท้อถอย เป็นวิธีปลูกที่ง่ายมาเลยครับ เริ่มเลยนะครับ มีขั้นตอนดังนี้
3. เมื่อครบ 20 วัน เมล็ดของต้นแคจะงอกสูงประมาณ 1 คืบ หรือกว่านั้น ให้นำผักหวานป่าที่เพาะไว้ไปปลูกลงแปลง ทั้งถุง โดยให้เอามีดกรีดก้นถุงออก การขุดหลุมเล็กใหญ่ตามกำลัง หรือจะขุดพอดีถุงก็ได้แต่ให้ลึกว่ากว่าถุง ประมาณ 1 เท่า (ถ้าถุงสูง 4 นิ้ว ขุดลึกอย่างน้อย 8 นิ้ว) เหมาะสำหรับคนขี้เกียจอย่างผมครับ (แต่การขุดหลุมใหญ่และลึกจะดีกว่า)
4. ถ้ามีน้ำก็ให้ ให้น้ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าไม่น้ำมีตอนปลูกให้เอาดินกลบเมล็ดในถุงเพื่อรักษาความชื้นไว้ หากต้นแคตาย ให้นำเมล็ดมาใส่ใหม่ พอฝนมาได้น้ำก็จะงอกเอง
5. การดูรักษาก็เหมือนการปลูกด้ววิธีอื่น 1-2 ปีแรกไม่ควรดายหญ้าเพราะจะกระทบกระเทือนรากให้ใช้วิธีตัดเอาครับ วิธีที่กล่าวมานี้ไม้ต้องปลูกไม้พี่เลี้ยงแล้วเพราะต้นแคเป็นไม้พี่เลี้ยง ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญผักหวานป่าได้น้ำเลี้ยงจากต้นแคทำให้โตเร็วมากๆ ขอบอก 1 ปี สูงประมาณเข่า-เอว และห้ามตัดต้นแคออกเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผักหวานป่าตายได้ ดังรูปต่อไปนี้
แต่...ตอของต้นแคที่ไม่ตายเริ่มแตกกิ่งใหม่ได้แม้ว่าในหน้า แล้งก็ตาม ทำให้ต้นผักหวานป่ารอดตายไปด้วย นี่คือเพื่อนแท้ของผักหวานป่า เพราะผักหวานป่าได้น้ำเลี้ยงจากต้นแคครับ
ต้นนี้ก็เหมือนกันครับ ผักหวานป่าสามารถอยู่ร่วมได้กับต้นแคได้ในหลุมเดียวกันโดยไม่มีการแย่งอาหาร อย่างที่หลายๆคนเข้าใจและคิดไปกันเอง
สำหรับท่านที่ปลูกผักหวานป่ามาก่อน หน้านี้ ท่านสามารถปลูกต้นแคลงไปในหลุมผักหวานป่าได้เลย ยังไม่สายเกินไป ลองทำตามนี้ดูได้ผลเป็นประการใด ช่วยเล่าให้ฟัง(อ่าน) กันบ้างในบล็อกแห่งนี้ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันจะได้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจปลูก ผักป่า และทั่วไปด้วยครับ
สรุปว่าการปลูกผัก หวานป่าให้เจริญเติบโตได้ดีนั้น ไม้พี่เลี้ยงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะธรรมชาติของผักหวานป่าเป็นไม้พื้น ล่างที่ต้องการร่มเงาและแสงรำไร ต้นแคเป็นพืชที่ถูกโฉลกกับผักหวานป่ามากที่สุด เพราะ แค เป็นพืชตระกูลถั่วที่สามารถตรึงในโตรเจน ในอากาศลงมาที่รากได้ เหมือนพืชถั่วทั่วไป แต่แคมีอายุที่ยาวนานกว่าถั่วต่างๆ หลายเท่าจึงเป็นผลดีกับผักหวานป่าในระยะยาว และเป็นพืชที่ต้นไม่โตเกินไป ร่มเงาไม่ทึบ และดอกก็ใช้เป็นอาหารได้ พืชพี่เลี้ยงที่รองมาจากแค ได้แก่ น้อยหน่า มะขามเทศ ตะขบ เป็นต้น ผักหวานป่าต้องการไม้พี่เลี้ยง และหากได้ไม้พี่เลี้ยงที่เป็นเพื่อนแท้ของผักหวานป่าแล้วะก็จะทำให้เราประสบ ความสำเร็จในการปลูกแน่นอน เหมือนที่ผมได้ทดลองมาแล้วครับ....
มีปัญเรื่องการปลูกผักหวานป่า ติดต่อมาได้ครับ...ที่เบอร์... 089-9811411 หรือเข้าไปดูรายละเอียดที่ http://www.pakwanpa.com/ หรือ อีเมล์ prakob_0007@hotmail.com
การขยายพันธุ์ | ||
การขยายพันธุ์ผักหวานป่า สามารถทำได้ 4 วิธีคือ 1.การเพาะเมล็ด 2.การตอนกิ่ง 3.การชำไหล(ราก) 4.การสกัดราก แต่วิธีที่ได้ผลและเป็นที่นิยมได้แก่การเพาะเมล็ด | ||
วิธีเพาะเมล็ดผักหวานป่า 1.เก็บหรือซื้อผลผักหวานป่าที่สุกแล้วเปลือกจะมีสีเหลืองสด 2.นำผลผักหวานป่ามาหมักไว้ประมาณ 3-4วันโดยใส่กระสอบปุ๋ยเข่งหรือภาชะนะอื่นๆที่ ระบายอากาศได้ดี 3.เมื่อผลผักหวานเริ่มเน่าสังเกตุดูว่าจะมีราสีขาวขึ้นนำมาเอาเนื้อ ของผลผักหวานป่าออก โดยใช้มือขยี้แต่ต้องใส่ถุงมือยางเพราะยางของผลผักหวานอาจจะระคายเคืองผิว ได้ ขยี้และใช้น้ำล้างจนหมดเมือกเหลือแต่เมล็ดต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้ เมล็ดผักหวานช้ำ อาจจะเสียหายข้างในแต่มองไม่เห็นจะมีผลต่อการงอกของเมล็ด(ถ้าทำจำนวนมากเป็น ร้อยๆกิโล เพื่อความสะดวกและรวดเร็วแนะนำให้ใช้เครื่องโม่ปูนแต่ต้องใส่ทรายกับหิน ลงไปด้วยอัตรา1:1:1หรือตามความหมาะสมใช้เวลาประมาณ 2ชม.)ตอนล้างเมล็ด ให้สังเกตุดูเมล็ดที่ลอยน้ำให้อาออกเพราะอัตราการงอกต่ำมากๆ ไม่ต้อเสียดายนะครับ 4.นำเมล็ดผักหวานป่าที่ล้างสะอาดแล้วไปตากลมในที่ร่ม(ห้ามตากแดดเป็น อันขาด) บนพื้นปูนในห้องน้ำ สังกะสีหรือใช้กระสอบป่านปูรองพื้นก็ได้แต่ถ้าปูบนพื้นดิน ต้องระวังปลวกกินกระสอบด้วยนะครับโดยเกลี่ยให้มีความสูงที่ซ้อนกันไม่ เกิน3เมล็ดทิ้งไว้ประมาณ 2-3วัน จากนั้นใช้กระสอบป่านปูทับเมล็ดผักหวานป่าอีกทีหนึ่งแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เช้า-เย็น 5.ประมาณ3-5วันเมล็ดผักหวานป่าเริ่มมีรอยปริเป็นร่องขสีขาวๆและอีก ประมาณ1-2วัน(รวม7วัน)จะมีรากเริ่มงอกออกมาให้นำลงถุงเพาะชำที่เตรียมไว้ใน เรือนเพาะชำประมาณเดือน ที่2จึงจะเริ่มเห็นใบของต้นกล้าผักหวานป่าเพราะในเดือนแรกรากจะลงดินก่อนรด น้ำวันละ1-2ครั้ง ประมาณ 4-5 เดือน ก็นำลงแปลงปลูกได้แต่ก่อนนำต้กล้าลงแปลงปลูกจริงควรเปิดหลังคาเรือนเพาะชำ หรือนำต้นกล้า ออกรับแสงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติและลดการให้น้ำตามสัก 3-4 วันตามสมควรเพื่อให้ต้นกล้า มีอัตราการรอดในแปลงปลูกสูงขึ้น ถ้าทำตามขั้นตอนนี้ได รับรองเพาะ100เมล็ด งอก100เมล็ด | ||
ขั้นตอนการเตรียมเมล็ด สำหรับการเพาะ | ||
การตอนกิ่งผัก หวานป่าต้อใช้เวลานานกว่าพืชชนิดอื่นคือต้องใช้เวลาประมาณ 3เดือนขึ้นไปการออกรากขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใชในการตอนแต่ราก จะไม่ออกมากเหมือนพืชชนิดอื่น การตอนควรเลือกกิ่งที่มีแนวตั้งหรือ กิ่งกระโดงจะออกรากดีกว่ากิ่งที่อยู่ในแนวนอนใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน รากจะมีสีน้ำตาลอ่อน พอรากเป็นสีน้ำตาลแกให้ตัดแล้วชำลงถุงอีกประมาณ 1 เดือนค่อยนำไปปลูกลงแปลงต่อไป | ||
การชำไหลเป็นภาษาของคนปลูกผักหวานป่า คือการขุดเอารากผักหวานป่าแล้วตัดเป็นท่อนๆยาวประมาณ 4-5 นิ้วหรืประมาณ 1 คืบนำไปเพาะชำประมาณ 1 เดือน ผักหวานป่าจะแตกกิ่งและยอดออกมา ขอขอบคุณ คุณอภิญญา พรหมมีชัย ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจ.นครราชสีมา เอื้อเฟื้อภาพการตอน การชำไหล โรคแมลงและการป้องกัน ฯคุณค่าทางโภชนาการและเมนูอาหารจากผักหวานป่า | ||
การสกัดรากเป็นวิธีการเพิ่มจำนวนต้นผักหวานป่าที่เหมาะ สำหรับผู้ที่มีต้นผักหวานป่า ที่มีอายุหลายปีแล้วและมีรากบางส่วนโผล่ขึ้นมานดินใช้สันมีดหรือจอบทุบลงไป บนราก ที่โผล่ขึ้นมาให้เปลือกที่หุ้มรากอยู่ให้แตก ประมาณ 1เดือนจะต้นผักหวานป่าแตกขึ้นมาพร้อมจะเป็นต้นใหม่และเจริญเติบโต อย่างรวดเร็วจากการสังเกตุสันนิฐานว่าผักชอบชอบการกระตุ้นที่รุนแรงจึงจะแตก ยอด และเจริญเติบโตได้ดี | ||
| |||
|
คุณค่าทางโภชนาการ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ใบ ยอดและใบสดของผักหวานป่าส่วนที่กินได้ 100 กรัม ประกอบด้วย
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย 2535 วิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รากรสเย็น สรรพคุณ ถอนพิษ แก้พิษร้อนกระสับกระส่าย น้ำดีพิการ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ยางจากใบใช้กวาดคอเด็ก แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประโยชน์ทางอาหาร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน ของผักหวานป่า นำมาต้ม ลวก นึ่ง รับประทานร่วมกับน้ำพริก ลาบ หรือนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัดกับน้ำมัน แกงเลียง แกงอ่อม แกงกับไข่มดแดง แกงกับปลา แกงกะทิสด ยำ เป็นต้น | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1. แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง เครื่องแกง - พริกแห้งเม็ดเล็ก 8-10 เม็ด (หรือพริกแห้งเม็ดใหญ่) 5-7 เม็ด - หอม แดง 3-4 หัว - กระเทียม 10 กลีบ - กะปิ 2 ช้อนชา - เกลือ 1/3 ช้อนชา โขลกเครื่องปรุงน้ำพริกรวมกันให้ละเอียด เครื่องปรุงอื่น ๆ - มะเขือเทศผลเล็ก 5-6 ผล - ผักหวานป่า พอควร - ไข่มด แดง พอควร - วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่ม ๆ พอควร - หมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็ก ๆ หรือซี่โครง พอควร วิธี ปรุง - ต้มหมูให้เปื่อยยุ่ย - ใส่น้ำพริกลงคนให้ทั่วทิ้งไว้ให้เดือด - ใส่ผักหวาน วุ้นเส้น ไข่มดแดงและมะเขือเทศผ่าซีกทิ้งไว้เดือดอีกครั้ง - ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ - ยกเสิร์ฟขณะร้อน ๆ 2. แกงเลียงผักหวานป่า เครื่องแกง - หอม แดง 3-4 หัว - กระเทียม 5-7 กลีบ - กะปิ 2 ช้อนชา - เกลือ 1/3 ช้อนชา โขลกเครื่องแกงให้ละเอียดพอประมาณ เครื่องปรุงอื่น ๆ - ผักหวานป่า - ปลาช่อนแห้ง - น้ำปลา วิธีปรุง - แกะเนื้อปลาช่อนแห้งครึ่งตัวลงโขลกรวมกับน้ำพริก แล้วพักไว้ - ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด เอาเนื้อปลาช่อนแห้งที่เหลือลงต้มให้นุ่ม - ใส่น้ำพริกที่โขลกลงในหม้อคนให้ทั่ว - ใส่ผักหวานป่า ลงไปคนเร็ว ๆ ให้ผักพอสุก ยกลง - ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบและยกเสิร์ฟร้อน 3. ต้มจืดผักหวานป่า-หมูสับ เครื่องปรุง - รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลา เกลือ - หมูสับและยอดผักหวานป่า วิธีปรุง - โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย 1-2 เม็ด ให้ละเอียด - นำหมูสับลงโขลกและนวดให้เข้ากันกับเครื่องที่โขลกไว้ - ตั้งน้ำใส่หม้อให้เดือด ทุบกระเทียม 2-3 กลีบใส่ - ปั้นหมูสับเป็นก้อนขนาดกลางใส่ในหม้อ ทิ้งไว้ให้สุก - ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วใส่ผักหวานป่า คนเร็ว ๆ แล้วยกลง - ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ |
| |||
|