วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การปลูกผักหวานให้โตเร็ว

การปลูกผักหวานป่าให้ โตเร็ว
สวัสดีครับ สมาชิกผู้สนใจปลูกผักหวานป่า เพราะผักหวานป่าการเพาะเมล็ดให้งอกนั้นง่ายแต่การปลูกให้โตนั้นค่อนข้างยาก พอสมควรครับ วันนี้ผมได้นำวิธีปลูกผักหวานป่าแบบใหม่ที่ได้ทดลองมาประมาณ 1 ปี เห็นว่าเจริญเติบโตดีมาก จึงเป็นทางเลือกอีกวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังปลูกแล้วรู้สึกท้อถอย เป็นวิธีปลูกที่ง่ายมาเลยครับ เริ่มเลยนะครับ มีขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อได้เมล็ดผักหวานป่าด้วยวิธีใดก็ตาม หลังจากเอาเนื้อและเปลือกออกและล้างให้สะอาด แล้วนำลงเพาะในถุงไว้ได้เลย โดยใส่เมล็ดในแนวนอน

2. เตรียมดินใส่ถุงสำหรับเพาะชำ จะใช้ดินอย่างเดียวหรือจะผสมขี้วัวแห้งหรือปุ๋ยอินทรีย์อื่นก็ได้ อัตราส่วน ดิน 2 ส่วน ขี้วัวแห้ง 1 ส่วน วางไว้ในที่เด็กและสัตว์เลี้ยงไม่รบกวนและไม่จำเป็นต้องทำโรงเรือน วางไว้ใต้ต้นไม้หรือกลางแดดก็ได้ ( เพราะเราวางไว้แค่ 20 วัน) จากนั้นนำเมล็ดผักหวานป่าลงเพาะในถุง และให้นำเมล็ดแค(ดอกแค) ใส่ลงไปด้วยถุงละ 1 เมล็ด แล้วรดน้ำให้ชุ่ม วันละ 1-2 ครั้ง

3. เมื่อครบ 20 วัน เมล็ดของต้นแคจะงอกสูงประมาณ 1 คืบ หรือกว่านั้น ให้นำผักหวานป่าที่เพาะไว้ไปปลูกลงแปลง ทั้งถุง โดยให้เอามีดกรีดก้นถุงออก การขุดหลุมเล็กใหญ่ตามกำลัง หรือจะขุดพอดีถุงก็ได้แต่ให้ลึกว่ากว่าถุง ประมาณ 1 เท่า (ถ้าถุงสูง 4 นิ้ว ขุดลึกอย่างน้อย 8 นิ้ว) เหมาะสำหรับคนขี้เกียจอย่างผมครับ (แต่การขุดหลุมใหญ่และลึกจะดีกว่า)

4. ถ้ามีน้ำก็ให้ ให้น้ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าไม่น้ำมีตอนปลูกให้เอาดินกลบเมล็ดในถุงเพื่อรักษาความชื้นไว้ หากต้นแคตาย ให้นำเมล็ดมาใส่ใหม่ พอฝนมาได้น้ำก็จะงอกเอง

5. การดูรักษาก็เหมือนการปลูกด้ววิธีอื่น 1-2 ปีแรกไม่ควรดายหญ้าเพราะจะกระทบกระเทือนรากให้ใช้วิธีตัดเอาครับ วิธีที่กล่าวมานี้ไม้ต้องปลูกไม้พี่เลี้ยงแล้วเพราะต้นแคเป็นไม้พี่เลี้ยง ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญผักหวานป่าได้น้ำเลี้ยงจากต้นแคทำให้โตเร็วมากๆ ขอบอก 1 ปี สูงประมาณเข่า-เอว และห้ามตัดต้นแคออกเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผักหวานป่าตายได้ ดังรูปต่อไปนี้

นี่คือสวนผักหวานป่าที่ปลูกตามวิธีที่กล่าวมา อายุ 11 เดือน ถึงวันที่ไปถ่ายภาพมาเมื่อเดือนเมษายน 2553 เจ้าของสวนเห็นว่าผักหวานโตดีแล้ว เลยตัดต้นแคออกคิดว่าจะไปแย่งอาหารกับผักหวานป่า ผลที่ได้อย่างภาพที่จะได้เห็น ต่อไปนี้....

เมื่อตัดต้นแคออก ทำให้ต้นแคตายเพาระตัดต่ำเกินไป ต้นผักหวานป่าก็ตายตามไปด้วย เพราะไม่สามารถหาอาหารเองได้ ช่วงนี้ต้องอาศัยน้ำเลี้ยงจากต้นแค เพราะต้นแคมีรากที่ลงลึกว่า
ต้นนี้ก็กำลังจะตายเพราะขาดน้ำ และตอของต้นแคเริ่มตายแล้ว

แต่...ตอของต้นแคที่ไม่ตายเริ่มแตกกิ่งใหม่ได้แม้ว่าในหน้า แล้งก็ตาม ทำให้ต้นผักหวานป่ารอดตายไปด้วย นี่คือเพื่อนแท้ของผักหวานป่า เพราะผักหวานป่าได้น้ำเลี้ยงจากต้นแคครับ

ต้นนี้ก็เหมือนกันครับ ผักหวานป่าสามารถอยู่ร่วมได้กับต้นแคได้ในหลุมเดียวกันโดยไม่มีการแย่งอาหาร อย่างที่หลายๆคนเข้าใจและคิดไปกันเอง
สำหรับท่านที่ปลูกผักหวานป่ามาก่อน หน้านี้ ท่านสามารถปลูกต้นแคลงไปในหลุมผักหวานป่าได้เลย ยังไม่สายเกินไป ลองทำตามนี้ดูได้ผลเป็นประการใด ช่วยเล่าให้ฟัง(อ่าน) กันบ้างในบล็อกแห่งนี้ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันจะได้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจปลูก ผักป่า และทั่วไปด้วยครับ

สรุปว่าการปลูกผัก หวานป่าให้เจริญเติบโตได้ดีนั้น ไม้พี่เลี้ยงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะธรรมชาติของผักหวานป่าเป็นไม้พื้น ล่างที่ต้องการร่มเงาและแสงรำไร ต้นแคเป็นพืชที่ถูกโฉลกกับผักหวานป่ามากที่สุด เพราะ แค เป็นพืชตระกูลถั่วที่สามารถตรึงในโตรเจน ในอากาศลงมาที่รากได้ เหมือนพืชถั่วทั่วไป แต่แคมีอายุที่ยาวนานกว่าถั่วต่างๆ หลายเท่าจึงเป็นผลดีกับผักหวานป่าในระยะยาว และเป็นพืชที่ต้นไม่โตเกินไป ร่มเงาไม่ทึบ และดอกก็ใช้เป็นอาหารได้ พืชพี่เลี้ยงที่รองมาจากแค ได้แก่ น้อยหน่า มะขามเทศ ตะขบ เป็นต้น ผักหวานป่าต้องการไม้พี่เลี้ยง และหากได้ไม้พี่เลี้ยงที่เป็นเพื่อนแท้ของผักหวานป่าแล้วะก็จะทำให้เราประสบ ความสำเร็จในการปลูกแน่นอน เหมือนที่ผมได้ทดลองมาแล้วครับ....

มีปัญเรื่องการปลูกผักหวานป่า ติดต่อมาได้ครับ...ที่เบอร์... 089-9811411 หรือเข้าไปดูรายละเอียดที่ http://www.pakwanpa.com/ หรือ อีเมล์ prakob_0007@hotmail.com






การขยายพันธุ์
           การขยายพันธุ์ผักหวานป่า สามารถทำได้ 4 วิธีคือ
1.การเพาะเมล็ด 2.การตอนกิ่ง 3.การชำไหล(ราก) 4.การสกัดราก แต่วิธีที่ได้ผลและเป็นที่นิยมได้แก่การเพาะเมล็ด      

การเพาะเมล็ด

วิธีเพาะเมล็ดผักหวานป่า
      1.เก็บหรือซื้อผลผักหวานป่าที่สุกแล้วเปลือกจะมีสีเหลืองสด
      2.นำผลผักหวานป่ามาหมักไว้ประมาณ 3-4วันโดยใส่กระสอบปุ๋ยเข่งหรือภาชะนะอื่นๆที่
ระบายอากาศได้ดี
      3.เมื่อผลผักหวานเริ่มเน่าสังเกตุดูว่าจะมีราสีขาวขึ้นนำมาเอาเนื้อ ของผลผักหวานป่าออก โดยใช้มือขยี้แต่ต้องใส่ถุงมือยางเพราะยางของผลผักหวานอาจจะระคายเคืองผิว ได้ ขยี้และใช้น้ำล้างจนหมดเมือกเหลือแต่เมล็ดต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้ เมล็ดผักหวานช้ำ
อาจจะเสียหายข้างในแต่มองไม่เห็นจะมีผลต่อการงอกของเมล็ด(ถ้าทำจำนวนมากเป็น ร้อยๆกิโล เพื่อความสะดวกและรวดเร็วแนะนำให้ใช้เครื่องโม่ปูนแต่ต้องใส่ทรายกับหิน
ลงไปด้วยอัตรา1:1:1หรือตามความหมาะสมใช้เวลาประมาณ 2ชม.)ตอนล้างเมล็ด
ให้สังเกตุดูเมล็ดที่ลอยน้ำให้อาออกเพราะอัตราการงอกต่ำมากๆ ไม่ต้อเสียดายนะครับ
      4.นำเมล็ดผักหวานป่าที่ล้างสะอาดแล้วไปตากลมในที่ร่ม(ห้ามตากแดดเป็น อันขาด)
บนพื้นปูนในห้องน้ำ สังกะสีหรือใช้กระสอบป่านปูรองพื้นก็ได้แต่ถ้าปูบนพื้นดิน
ต้องระวังปลวกกินกระสอบด้วยนะครับโดยเกลี่ยให้มีความสูงที่ซ้อนกันไม่ เกิน3เมล็ดทิ้งไว้ประมาณ 2-3วัน จากนั้นใช้กระสอบป่านปูทับเมล็ดผักหวานป่าอีกทีหนึ่งแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เช้า-เย็น
      5.ประมาณ3-5วันเมล็ดผักหวานป่าเริ่มมีรอยปริเป็นร่องขสีขาวๆและอีก ประมาณ1-2วัน(รวม7วัน)จะมีรากเริ่มงอกออกมาให้นำลงถุงเพาะชำที่เตรียมไว้ใน เรือนเพาะชำประมาณเดือน
ที่2จึงจะเริ่มเห็นใบของต้นกล้าผักหวานป่าเพราะในเดือนแรกรากจะลงดินก่อนรด น้ำวันละ1-2ครั้ง ประมาณ 4-5 เดือน ก็นำลงแปลงปลูกได้แต่ก่อนนำต้กล้าลงแปลงปลูกจริงควรเปิดหลังคาเรือนเพาะชำ หรือนำต้นกล้า ออกรับแสงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติและลดการให้น้ำตามสัก 3-4 วันตามสมควรเพื่อให้ต้นกล้า
มีอัตราการรอดในแปลงปลูกสูงขึ้น ถ้าทำตามขั้นตอนนี้ได รับรองเพาะ100เมล็ด งอก100เมล็ด

ขั้นตอนการเตรียมเมล็ด สำหรับการเพาะ



การตอนกิ่ง

การตอนกิ่งผัก หวานป่าต้อใช้เวลานานกว่าพืชชนิดอื่นคือต้องใช้เวลาประมาณ 3เดือนขึ้นไปการออกรากขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใชในการตอนแต่ราก
จะไม่ออกมากเหมือนพืชชนิดอื่น การตอนควรเลือกกิ่งที่มีแนวตั้งหรือ
กิ่งกระโดงจะออกรากดีกว่ากิ่งที่อยู่ในแนวนอนใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน รากจะมีสีน้ำตาลอ่อน พอรากเป็นสีน้ำตาลแกให้ตัดแล้วชำลงถุงอีกประมาณ 1 เดือนค่อยนำไปปลูกลงแปลงต่อไป                                   


การชำไหล

การชำไหลเป็นภาษาของคนปลูกผักหวานป่า
คือการขุดเอารากผักหวานป่าแล้วตัดเป็นท่อนๆยาวประมาณ
4-5 นิ้วหรืประมาณ 1 คืบนำไปเพาะชำประมาณ 1 เดือน
ผักหวานป่าจะแตกกิ่งและยอดออกมา

    ขอขอบคุณ คุณอภิญญา พรหมมีชัย
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจ.นครราชสีมา
เอื้อเฟื้อภาพการตอน การชำไหล โรคแมลงและการป้องกัน ฯคุณค่าทางโภชนาการและเมนูอาหารจากผักหวานป่า

การสกัดราก

การสกัดรากเป็นวิธีการเพิ่มจำนวนต้นผักหวานป่าที่เหมาะ สำหรับผู้ที่มีต้นผักหวานป่า
ที่มีอายุหลายปีแล้วและมีรากบางส่วนโผล่ขึ้นมานดินใช้สันมีดหรือจอบทุบลงไป บนราก
ที่โผล่ขึ้นมาให้เปลือกที่หุ้มรากอยู่ให้แตก ประมาณ 1เดือนจะต้นผักหวานป่าแตกขึ้นมาพร้อมจะเป็นต้นใหม่และเจริญเติบโต
อย่างรวดเร็วจากการสังเกตุสันนิฐานว่าผักชอบชอบการกระตุ้นที่รุนแรงจึงจะแตก ยอด
และเจริญเติบโตได้ดี




ปลูกผักหวานป่า ไม่ยากอย่างที่คิด
ผักหวานป่า ราชาแห่งผักพื้นบ้าน ปลอดสารพิษ ล้าน %
ปลูกเพียงครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ชั่วลูกชั่วหลาน










คุณค่าทางโภชนาการ
         
ใบ ยอดและใบสดของผักหวานป่าส่วนที่กินได้ 100 กรัม ประกอบด้วย
พลังงาน
39
กิโลแคลอรี่
โปรตีน
0.1
กรัม
ไขมัน
0.6
กรัม
คาร์โบไฮเดรต
8.3
กรัม
แคลเซียม
24
มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส
68
มิลลิกรัม
วิตามิน B1
0.12
มิลลิกรัม
วิตามิน A
8500
หน่วยสากล
ไนอาซีน
3.6
มิลลิกรัม
วิตามิน B2
1.65
มิลลิกรัม
เบต้า-แคโรทีน
516.33
ไมโครกรัม
วิตามิน C
168
มิลลิกรัม
ใยอาหาร
2.1
กรัม

ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย
2535  วิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ประโยชน์ทางยา

รากรสเย็น สรรพคุณ ถอนพิษ แก้พิษร้อนกระสับกระส่าย น้ำดีพิการ แก้ร้อนในกระหายน้ำ        ยางจากใบใช้กวาดคอเด็ก แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว

ประโยชน์ทางอาหาร

ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน ของผักหวานป่า นำมาต้ม ลวก นึ่ง รับประทานร่วมกับน้ำพริก ลาบ หรือนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัดกับน้ำมัน แกงเลียง แกงอ่อม แกงกับไข่มดแดง แกงกับปลา แกงกะทิสด ยำ เป็นต้น

เมนูอาหาร จานเด็ดจากผักหวานป่า

1. แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง
เครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดเล็ก                                                    8-10         เม็ด
(หรือพริกแห้งเม็ดใหญ่)                                             5-7           เม็ด         
-   หอม แดง                                                              3-4            หัว
-   กระเทียม                                                              10             กลีบ
-   กะปิ                                                                       2          ช้อนชา
-   เกลือ                                                                   1/3          ช้อนชา
โขลกเครื่องปรุงน้ำพริกรวมกันให้ละเอียด
 เครื่องปรุงอื่น ๆ
มะเขือเทศผลเล็ก                                                      5-6        ผล
ผักหวานป่า                                                                    พอควร
ไข่มด แดง                                                                      พอควร
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่ม ๆ                                                        พอควร
หมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็ก ๆ หรือซี่โครง                                     พอควร
    วิธี ปรุง
ต้มหมูให้เปื่อยยุ่ย
ใส่น้ำพริกลงคนให้ทั่วทิ้งไว้ให้เดือด
ใส่ผักหวาน วุ้นเส้น ไข่มดแดงและมะเขือเทศผ่าซีกทิ้งไว้เดือดอีกครั้ง
ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ
ยกเสิร์ฟขณะร้อน ๆ
2. แกงเลียงผักหวานป่า
เครื่องแกง
หอม แดง                                                                       3-4    หัว
กระเทียม                                                                       5-7    กลีบ
กะปิ                                                                          2        ช้อนชา
เกลือ                                                                         1/3     ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงให้ละเอียดพอประมาณ
เครื่องปรุงอื่น ๆ
 ผักหวานป่า
ปลาช่อนแห้ง
น้ำปลา
วิธีปรุง
แกะเนื้อปลาช่อนแห้งครึ่งตัวลงโขลกรวมกับน้ำพริก แล้วพักไว้
ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด เอาเนื้อปลาช่อนแห้งที่เหลือลงต้มให้นุ่ม
ใส่น้ำพริกที่โขลกลงในหม้อคนให้ทั่ว
ใส่ผักหวานป่า ลงไปคนเร็ว ๆ ให้ผักพอสุก ยกลง
ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบและยกเสิร์ฟร้อน
3.  ต้มจืดผักหวานป่า-หมูสับ
เครื่องปรุง
รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลา เกลือ
หมูสับและยอดผักหวานป่า
วิธีปรุง
โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย 1-2 เม็ด ให้ละเอียด
นำหมูสับลงโขลกและนวดให้เข้ากันกับเครื่องที่โขลกไว้
ตั้งน้ำใส่หม้อให้เดือด ทุบกระเทียม 2-3 กลีบใส่
ปั้นหมูสับเป็นก้อนขนาดกลางใส่ในหม้อ ทิ้งไว้ให้สุก
ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วใส่ผักหวานป่า คนเร็ว ๆ แล้วยกลง
ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ


ปลูกผักหวานป่า ไม่ยากอย่างที่คิด
ผักหวานป่า ราชาแห่งผักพื้นบ้าน ปลอดสารพิษ ล้าน %
ปลูกเพียงครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ชั่วลูกชั่วหลาน



วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553